บทความนี้เราจะมาดูกันว่า ร้านอาหารชื่อดังในประเทศไทย ที่มีรายได้มากกว่า 100 ล้านบาทต่อปี มีกลยุทธ์ในการบริหารจัดการร้านอย่างไรให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนจนถึงทุกวันนี้
1. แม่ศรีเรือน
ร้านอาหารไทยต้นตำหรับก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีก ร้านดั้งเดิมอยู่ที่พัทยา ก่อตั้งในปี 2504 ร้านแม่ศรีเรือนเปรียบเสมือนสำรับกับข้าวลำดับที่สอง ถ้าไม่ทานข้าวที่บ้านก็มาทานที่ร้านแม่ศรีเรือนก็เหมือนกับได้ทานอยู่ที่บ้านเช่นกัน กลยุทธ์ที่สำคัญของแม่ศรีเรือนที่ทำให้เติบโตอย่างยั่งยืนมามากกว่า 60 ปี คือ "การปรับตัวตามยุคสมัย แต่ยังคงเอกลักษณ์และจุดขายของตัวเอง"
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ รสชาติอาหารของร้านแม่ศรีเรือนมีความเป็นต้นตำรับดั้งเดิม มีการปรับร้านและแบรนด์ให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นแม่ศรีเรือนอยู่ เน้นความเรียบง่าย และยังมีเสน่ห์ของความเป็นแม่ศรีเรือนที่ไม่ดูโบราณ หรือดูหรูเกินไป
ร้านแม่ศรีเรือนมีการจัดการเป็นแบบครัวกลางในการผลิตวัตถุดิบ เช่น น้ำซอสผัดไทย ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน แบ่งเป็นชุดเล็กๆให้หน้าร้านได้ใช้งานได้อย่างมีมาตรฐาน มีการร่วมมือกับกลุ่มเกษตรอินทรีย์ที่ผลิตข้าวและมะนาวออร์แกนิค นอกจากจะได้สินค้าที่มีคุณภาพสูงแล้ว ยังได้ช่วยเหลือเกษตรกรอีกด้วย
เมนูเด็ด: ก๋วยเตี๋ยวไก่, ขนมครกข้าวไรท์เบอร์รี่
รายได้ 527 ล้านบาท, 33 สาขา
https://www.facebook.com/Maesriruen/
2. สมบูรณ์โภชนา
ร้านสมบูรณ์โภชนา เป็นร้านอาหารซีฟู้ดชื่อดังเก่าแก่ เริ่มต้นธุรกิจตั้งแต่ปี 2512 ก่อตั้งขึ้นโดยคุณพ่อและคุณแม่ของคุณสมบูรณ์ ศรีเจริญสุขยิ่ง จุดเริ่มต้นเกิดจากเปิดร้านเล็กๆ ขนาด 1 ห้องตึกแถว ที่สามย่านข้างคณะบัญชีจุฬาฯ กลยุทธ์หลักที่ทำให้สมบูรณ์โภชนาสามารถขยายธุรกิจได้มาถึงปัจจุบัน ได้แก่
เน้นคุณภาพของตัววัตถุดิบ ที่ต้องสด สะอาด
ร้านสมบูรณ์โภชนาใช้อาหารทะเลสดวันต่อวัน สด สะอาด ได้คุณภาพและขนาดที่ถูกต้อง โดยการสั่งให้เพียงพอต่อการขายภายใน 1-2 วันเท่านั้น เพื่อให้ได้อาหารที่สดจริงๆ หลีกเลี่ยงการแช่ตู้เย็นเป็นเวลานานเกินไป เพราะจะทำให้เสียรสชาติ
ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาพนักงาน
ร้านสมบูรณ์โภชนาให้ความสำคัญต่อการฝึกฝนพ่อครัวในแต่ละตำแหน่ง เป็นไปอย่างเข้มงวดใช้เวลาฝึกฝนกันคนละหลายปี เน้นศิลปะในการปรุงอาหาร เข้าใจในธรรมชาติของอาหารหรือวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงให้ลูกค้า เพื่อให้สามารถรังสรรอาหารที่รสชาติดีที่สุดสำหรับลูกค้า
เมนูเด็ด: ปูผัดผงกะหรี่, ปลากะพงทอดน้ำปลา
รายได้ 503 ล้านบาท, 8 สาขา
3. นาราไทย คูซีน
Nara Thai Cuisine ร้านอาหารไทยต้นตำรับและอาหารไทยฟิวชั่น มีการตกแต่งจานที่สวยงาม ละเมียดละไม แสดงถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้อย่างลงตัว บรรยากาศภายในร้านน่านั่ง แต่งร้านแบบไทยร่วมสมัยที่มาพร้อมความหรูหรา กลยุทธ์ที่ทำให้ร้านนาราไทย คูซีน เป็นที่ชื่นชอบทั้งลูกค้าคนไทยและต่างชาติคือ
แสดงเอกลักษณ์และจุดขายอย่างชัดเจน
นาราไทย คูซีน เน้นรสชาติอาหารที่เป็นต้นตำรับไทยแท้ ใส่ใจตั้งแต่การคัดสรร และควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบต่างๆ มีการทำ Branding ได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ เอกลักษณ์ในด้านรสชาติอาหาร การจัดจาน การตกแต่งร้าน รวมทั้งที่มีการอบรมพนักงานเพื่อยกระดับมาตรฐานการบริการลูกค้าให้แข่งขันได้ในระดับสากล
มีการสื่อสารในการทำ Branding เพื่อจับกลุ่มลูกค้าต่างชาติ
ถึงแม้ร้านนาราไทย คูซีน จะเน้นอาหารที่เป็นต้นตำรับไทยแท้ แต่เมนูและเว็บไซต์ มีการออกแบบรูปภาพและดีไซน์ที่ดูเป็นสากล มี website เป็นภาษาอังกฤษเพื่อที่จะสื่อสารกับลูกค้าต่างชาติ ทำให้สามารถสร้าง Brand Awareness ในกลุ่มลูกค้าต่างชาติได้เป็นอย่างดี
เมนูเด็ด: ข้าวผัดนารา ไอติมนารา ลาบทอด
รายได้ 484 ล้านบาท, 11 สาขา
https://facebook.com/narathaicuisine/
4. สีฟ้า
ห้องอาหารสีฟ้า เป็นภัตตาคารอาหารไทย–จีน มายาวนานกว่า 80 ปี สาขาแรกอยู่ในย่านราชวงศ์ ปัจจุบันมีการขยายสาขาและสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทุกเพศทุกวัย กลยุทธ์ของสีฟ้าที่ทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยาวนานคือ
มีการปรับช่องทางการขายตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
สีฟ้ามีการขยายไปยังช่องทางอื่นๆ ทั้ง ธุรกิจแคทเทอริ่ง ธุรกิจ F&B Service การรับผลิตอาหารส่งบนสายการบิน AirAsia มีการส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ของตัวเอง ซึ่งจะมีการแบ่งโซนรับออเดอร์เดลิเวอรี่ โดยสามารถสั่งจองอาหารล่วงหน้าได้ มีการทำ Re-branding ในปี 2560 ด้วยภาพลักษณ์ใหม่ของสีฟ้าที่จะมีการปรับลุคให้ดูสดใสและทันสมัยมากขึ้น
ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียในการทำการตลาด
สีฟ้ามีการใช้โซเชียลมีเดียในการทำการตลาดอย่างมืออาชีพ นอกจากจะโปรโมทในช่องทางของตัวเองแล้ว สีฟ้ายังใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียของกลุ่มลูกค้า หรือสปอนเซอร์ที่สั่งอาหารสีฟ้าร่วมโปรโมทเพื่อช่วยในการเข้าถึงแฟนเพจให้มากขึ้นอีกด้วย โดยนำเสนอเรื่องราวของอาหารเป็นหลักผสานกิจกรรมทางการตลาดเข้าไปเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ที่จะทำให้รู้จัก Brand สีฟ้ามากขึ้น
เมนูเด็ด: ข้าวหน้าไก่ราชวงศ์ บะหมี่อัศวิน
รายได้ 385 ล้านบาท, 21 สาขา
https://facebook.com/seefahfanpage/
5. ครัวเจ๊ง้อ
ร้านครัวเจ๊ง้อเปิดครั้งแรกในปี 2542 ในห้องแถวของเพื่อนเจ๊ง้อย่านสี่พระยา เพื่อจำหน่ายอาหารจีนแต้จิ๋วและซีฟู้ด รสชาติอาหารขึ้นชื่อด้านความอร่อยในย่ายนั้น เจ๊ง้อผู้เป็นเจ้าของกิจการได้เปิดโรงเรียนสอนทำอาหารของตัวเอง เพื่อถ่ายทอดสูตรอาหารจากต้นตำรับเจ๊ง้อและสร้างบุคลากรใหม่ๆ รุ่นต่อๆ ไป เคล็ดลับความสำเร็จของครัวเจ๊ง้อมีดังต่อไปนี้
ควบคุมและตรวจสอบรสชาติอาหารอยู่เสมอ
เจ๊ง้อมีการควบคุมฝีมือเชฟให้เหมือนรสมือเจ๊ง้อทุกชาม เจ๊ง้อได้จดสูตรการทำอาหารแบบละเอียดเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อให้เชฟหัดลองทำตาม เชฟจะต้องฝึกฝนฝีมืออยู่ในครัวเจ๊ง้อสาขาสี่พระยาให้เจ๊ง้อชิมทุกวันนานถึง 6 เดือน ก่อนที่จะออกไปเป็นเชฟสาขาอื่นได้ มีการตระเวนลองชิมอาหารตามสาขาต่าง ๆ โดยเฉพาะสาขาที่มีลูกค้าร้องเรียนมาว่าอาหารรสชาติไม่เหมือนเดิม
ไม่หวงสูตรอาหาร
ในเว็บไซต์ครัวเจ๊ง้อมีการบอกสูตรทำอาหารยอดนิยมของครัวเจ๊ง้อให้กับผู้สนใจได้ลองทำทานที่บ้าน ซึ่งถือว่าเป็นกุศโลบายที่ดี เพราะเมื่อมีผู้สนใจลองไปทำตามและพบว่าอาหารสูตรเจ๊ง้อรสชาติดีและเมื่ออยากทานอาหารสูตรเจ๊ง้ออีก แต่ไม่อยากเสียเวลาทำก็จะเข้ามารับประทานกันที่ครัวเจ๊ง้อแทน
เมนูเด็ด: เส้นหมี่ผัดกระเฉด ผัดผักบุ้งฝอย
รายได้ 207 ล้านบาท, 11 สาขา
https://facebook.com/jengorkitchen/
สนใจเลือกซื้อกล่องอาหารทุกชนิด พร้อมโลโก้ คลิกเลย